ก่อนจะกล่าวถึงเรื่องทองคำ อยากชวนผู้อ่านคิดว่า บุญคุณระหว่างคนห่างคนไกล ไม่รู้จักกัน ทำไมเราถึงต้องรับทดแทนด้วย บุญคุณมักเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคนรู้จักกัน การรับชำระทดแทนบุญคุณระหว่างคนในจึงเป็นเรื่องง่าย แต่หากเราเป็นคนนอกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมจะต้องทดแทนบุญคุณที่ใครบางคนสร้างขึ้นกับคนอื่น และทำไมผู้อื่นจะต้องยอมรับบุญคุณใหม่ที่เราได้สร้างขึ้นด้วย
เมื่อบุญคุณเป็นสิ่งที่โอนให้กันไม่ได้ง่าย ๆ การใช้บุญคุณแทนเงินจึงมีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถใช้ชำระได้อย่างแพร่หลาย หากพิจารณาบุญคุณเป็นสัญญาระหว่างกัน แม้ว่าคนในจะยอมรับให้สามารถนำมาแลกเป็นกำลังซื้อได้ แต่คนนอกก็ไม่มีความจำเป็นต้องยอมรับรู้หรือทำตามสัญญานั้นเลยถ้าไม่ได้กฏกติกาใด
อุปสรรคเกิดขึ้นทันทีหากเราไม่มีความสามารถในการผูกมัดสัญญานั้นระหว่างคนนอก (limited commitment) และแม้ว่าเขายินดีจะรับทดแทนบุญคุณ เขาอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเคยมีบุญคุณนั้นเกิดขึ้นจึงไม่กล้ารับการทดแทนบุญคุณนั้น การจดจำบุญคุณระหว่างกันได้อย่างสมบูรณ์ (perfect memory) จึงไม่ได้มีความหมายแค่ระหว่างคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงระหว่างทุกคนในสังคมอีกด้วย (perfect record keeping)
ข้อจำกัดของเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและผูกมัดสัญญาทำให้บุญคุณและข้อมูลที่คล้ายกันไม่สามารถนำมาใช้แทนเงินได้เมื่ออยู่ในสังคมที่มีคนจำนวนมากและมีคนหน้าใหม่ไปมาหาสู่กันตลอดเวลา นักประวัติศาสตร์พบว่ามีบางสังคมในโลกนี้ใช้บุญคุณแทนเงิน เช่น สังคมชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคใต้ แต่นั่นเป็นเพราะมีคนอยู่ไม่มากและสามารถกำหนดกติกาเรื่องบุญคุณระหว่างกันได้ไม่ยากนัก
หากเป็นคนต่างถิ่นที่ไม่เข้าใจในกติกานี้ก็จะทำให้เกิดการติดต่อค้าขายกันได้ยาก แต่ในส่วนถัดไปจะชวนคิดว่าหากไม่เข้าใจในกติกา สื่อสารกันไม่ได้ ทำให้ค้าขายไม่ได้จริงหรือ
หากต้องการเงินที่สะดวกต่อการใช้งานอย่างแพร่หลาย ก็สามารถกล่าวได้ว่า UX (user experience) ของเงินข้อมูลในยุคนั้นช่างนั้นไม่ดีเสียเลย (ส่วน user interface หรือ UI แทบไม่ต้องพูดถึง) เพราะฐานข้อมูลที่มีอยู่กระจัดกระจาย (fragmented databases) มีเนื้อหาของข้อมูลหลากหลาย และไม่สามารถทำงานข้ามกันได้เลย (lack of interoperability)
สำหรับนักธุรกิจที่ต้องการจะขยายการค้าให้กว้างไกล ก็จำเป็นจะต้องใช้เงินที่แม้แต่คนนอกวงความสัมพันธ์และคนต่างถิ่นก็สามารถยอมรับได้ ไม่จำเป็นต้องถามว่ากำลังซื้อนี้ท่านได้มาแต่ใด พกพาสะดวกปลอดภัยไร้กังวล จึงจะถือว่าเป็น UX ที่ดีสำหรับบริบทของยุคนั้น